ยามเช้าของไทเปในต้นเดือนสิงหาคม 2568 เต็มไปด้วยความเคลื่อนไหวทางการเมืองและความมั่นคง เมื่อ ไล่ ชิงเต๋อ ประธานาธิบดีไต้หวัน ประกาศแผนงบประมาณกลาโหมปี 2026 ที่สร้างแรงสะเทือนทั้งในและนอกประเทศ

งบประมาณครั้งนี้มีมูลค่าราว 2.45 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 7.94 แสนล้านบาท คิดเป็นมากกว่าร้อยละ 3 ของจีดีพี ซึ่งสูงกว่าปีก่อนอย่างชัดเจน ปี 2025 ไต้หวันใช้งบกลาโหมอยู่ที่ 1.89 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6.13 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.49 ของจีดีพี
การเพิ่มงบกว่า 5,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการขยับตัวเลขในบัญชีงบประมาณ แต่เป็นสัญญาณที่สะท้อนความตั้งใจชัดเจนของรัฐบาลในการเสริมสร้างขีดความสามารถทางทหาร เพื่อเผชิญหน้ากับความตึงเครียดที่ยืดเยื้อมานานกับ จีนแผ่นดินใหญ่
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา จีนยังคงเพิ่มการซ้อมรบทางทหารใกล้ไต้หวัน ส่งเรือรบและเครื่องบินรบเข้ามาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จนไทเปต้องเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง งบประมาณที่เพิ่มขึ้นครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็นการลงทุนเพื่อ “ซื้อเวลาและความปลอดภัย” ให้กับประเทศ
แม้จะมีเสียงวิพากษ์จากบางฝ่ายว่าการทุ่มงบกลาโหมจำนวนมหาศาลอาจกระทบต่อเศรษฐกิจภายใน แต่ในสายตาของรัฐบาล การป้องกันประเทศคือรากฐานสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจและสังคมเดินหน้าได้โดยไม่สะดุด
สำหรับประชาชนไต้หวัน งบประมาณนี้อาจไม่ใช่เพียงตัวเลขในเอกสาร หากแต่เป็นคำยืนยันจากผู้นำว่า ประเทศจะยืนหยัดอย่างมั่นคงท่ามกลางคลื่นลมการเมืองโลกที่ไม่แน่นอน